วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

8 - 4 - 51 B พระปรางค์ที่ใช้ระยะเวลาสร้างนานที่สุดคือประปรางค์วัดใด

ส่งเมื่อ : 8/4/51 เวลา : 10 : 50 น.
ตอบ พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามวรวิหาร เริ่มสร้างในสมัย ร. 2 แต่เสร็จ ร. 4


วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเรียกว่า "วัดมะกอก" ตามชื่อตำบลบางมะกอกซึ่งเป็นตำบลที่ตั้งวัด ภายหลังเปลี่ยนเป็น "วัดมะกอกนอก" เพราะมีวัดสร้างขึ้นใหม่ในตำบลเดียวกันแต่ อยู่ลึกเข้าไปในคลองบางกอกใหญ่ชื่อ "วัดมะกอกใน" ต่อมาใน พ.ศ. 2310 เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรีจึงเสด็จกรีฑาทัพล่องลงมาทางชลมารคถึงหน้าวัดมะกอกนอกนี้เมื่อเวลารุ่งอรุณพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็น "วัดแจ้ง" เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งนิมิตที่ได้เสด็จมาถึงวัด นี้เมื่อเวลาอรุณรุ่ง

เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้ย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้ง ณ กรุงธนบุรีและได้ทรงสร้างพระราชวังใหม่ มีการขยายเขตพระราชฐาน เป็นเหตุให้วัดแจ้งตั้งอยู่กลาง พระราชวังจึงไม่โปรดให้มีพระสงฆ์จำพรรษา นอกจากนั้นในช่วงเวลาที่กรุงธนบุรีเป็น ราชธานี ถือกันว่าวัดแจ้งเป็นวัดคู่บ้าน คู่เมือง เนื่องจากเป็นวัดที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกตและพระบาง ซึ่งสมเด็จ พระยามหากษัตริย์ศึก (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ได้ อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ 2 องค์นี้มาจากลาวในคราวที่เสด็จตีเมืองเวียงจันทร์ ได้ในปี พ.ศ. 2322 โดยโปรดให้อัญเชิญ พระแก้วมรกตและพระบางขึ้นประดิษฐาน

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช รัชกาลที่ 1 เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ ได้โปรดให้สร้างพระนครใหม่ฝั่งตะวันออก ของแม่น้ำเจ้าพระยา และรื้อกำแพงพระราชวังกรุงธนบุรีออก วัดแจ้งจึงไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวังอีกต่อไป พระองค์จึงโปรดให้วัดแจ้งเป็นวัดที่มี พระสงฆ์จำพรรษาอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นพระองค์ทรงมอบหมายให้สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (ร. 2) เป็นผู้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง ไว้ในมณฑป และมีการสมโภชใหญ่ 7 คืน 7 วัน(ในปี พ.ศ. 2327 พระแก้วมรกตได้ย้ายมาประดิษฐาน ณ วัด พระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมหาราชวัง ส่วนพระบางนั้นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้โปรด พระราชทานคืนไปนครเวียงจันทร์) แต่สำเร็จเพียงแค่กุฎีสงฆ์ก็สิ้นรัชกาลที่ 1 ใน พ.ศ. 2352 เสียก่อน

พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามวรวิหาร

ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระองค์ทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อจนเสร็จ ทั้งได้ทรงปั้นหุ่นพระพุทธรูปด้วยฝีพระหัตถ์ และโปรดให้หล่อขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธาน ในพระอุโบสถ และโปรดให้มีมหรสพสมโภชฉลองวัดในปี พ.ศ. 2363 แล้วโปรดพระราชทาน พระนามวัดว่า "วัดอรุณราชธาราม"

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดอรุณฯ ใหม่หมดทั้งวัด พร้อมทั้งโปรดให้ลงมือก่อสร้างพระปรางค์ตามแบบที่ทรงคิดขึ้น จนสำเร็จเป็นพระเจดีย์สูง 1 เส้น 13 วา 1 ศอก 1 คืบ กับ 1 นิ้ว ฐานกลมวัดโดยรอบได้ 5 เส้น 37 วา ซึ่งการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ ภายในวัดอรุณฯ นี้สำเร็จลงแล้ว แต่ยังไม่ทันมีงานฉลองก็สิ้นรัชกาลที่ 3 ในปี พ.ศ. 2394

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ พระองค์ได้โปรดให้สร้างและปฏิสังขรณ์ สิ่งต่าง ๆ ในวัดอรุณฯ เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ทั้งยังได้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของ พระประธานในพระอุโบสถที่พระองค์ ทรงพระราชทานนามว่า "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" และเมื่อได้ทรงปฏิสังขรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้พระราชทานนาม วัดเสียใหม่ว่า "วัดอรุณราชวราราม" ดังที่เรียกกันมาจนถึงปัจจุบัน

ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เกิดเพลิงไหม้พระอุโบสถ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถใหม่เกือบทั้งหมด โดยได้โปรดให้กรมหมื่นปราบปรปักษ์เป็นแม่กองในการบูรณะ และโปรดเกล้าฯให้นำเงิน ที่เหลือจากการบริจาคของพระบรมวงศานุวงศ์ไปสร้างโรงเรียนตรงบริเวณกุฎีเก่า ด้านเหนือ ซึ่งชำรุดไม่มีพระสงฆ์อยู่เป็นตึกใหญ่แล้วพระราชทานนามว่า "โรงเรียนทวีธาภิเศก" นอกจากนั้นยังได้โปรดให้พระยาราชสงครามเป็นนายงานอำนวยการปฏิสังขรณ์พระปรางค์ องค์ใหญ่ และเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงโปรดให้มีการฉลองใหญ่รวม 3 งานพร้อมกันเป็นเวลา 9 วัน คือ งานฉลองพระไชยนวรัฐ งานบำเพ็ญพระราชกุศลพระชนมายุสมมงคล คือ มีพระชนมายุเสมอพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และ งานฉลองพระปรางค์ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มีการบูรณะปฏิสังขรณ์หลายอย่าง โดยเฉพาะพระปรางค์วัดอรุณฯ ได้รับการปฏิสังขรณ์ เป็นการใหญ่มีการประกอบพิธีบวงสรวงก่อนเริ่มการบูรณะพระปรางค์ใน วันพุธที่ 27 ธันวาคม 2510 และการบูรณะก็สำเร็จด้วยดีดังเห็นเป็นสง่างามอยู่จนทุกวันนี้

8 - 4 - 51 R คำว่ารายชื่อใช้แทนคำว่าชื่อได้หรือไม่ เพราะอะไร

ส่งเมื่อ : 8/4/51 เวลา : 07 : 15 น.
ตอบ ไม่ได้

ชื่อ - รายชื่อ
คำว่า ชื่อ หมายถึง คำที่ตั้งขึ้นสำหรับเรียกคน สัตว์ สถานที่ และสิ่งของ โดยทั่ว ๆ ไปหรือโดยเฉพาะเจาะจง. ส่วนคำว่า รายชื่อ หมายถึง ชื่อหลาย ๆ ชื่อที่เรียงกันตามลำดับ

คำสองคำนี้มักมีผู้ใช้กันอย่างสับสน. ชื่อ หมายถึง ชื่อเพียงชื่อเดียว. ส่วน รายชื่อ หมายถึง ชื่อหลายชื่อ เช่น ประธานสภาผู้แทนราษฎรนำชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย. ชื่อ ในประโยคนี้มีเพียงชื่อเดียว. นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย. รายชื่อ ในประโยคนี้มีหลายชื่อ

คำว่า ชื่อ ใช้หมายถึง หลายชื่อ ก็ได้ จึงอาจใช้แทน รายชื่อ เช่น ครูขานชื่อนักเรียนทั้งห้อง. หรือ ครูขานรายชื่อนักเรียนทั้งห้อง. แต่ รายชื่อ ใช้แทน ชื่อ ไม่ได้

ที่มา : บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย" ออกอากาศทางสถานีวิทยุ กระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 เวลา 7.00-7.30 น.

5-4-51 B สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งแรกของไทยคือที่ใด

เป็นคำถามแรกที่เริ่มมีการส่ง SMS
ส่งเมื่อ : 5/4/51 เวลา : 15 : 46 น.

ตอบ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหนองหาน จ.สกลนคร

ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสกลนคร ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2485 บริเวณหนองหาร ใช้ชื่อครั้งแรกว่า สถานีประมงหนองหาร เพื่อดำเนินการผลิตพันธุ์ปลาและอนุรักษ์ปลาในเขตหนองหาร และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดสกลนคร มีเนื้อที่ 103 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา มีบ่อที่ใช้สำหรับเพาะพันธุ์ปลาและทดลองค้นคว้ารวม 46 บ่อ เนื้อที่ 29,603 ตารางเมตร (18.502 ไร่) มีที่ทำการและอาคารบ้านพัก 27 หลัง และเมื่อปี 2518-2519 ได้รับงบประมาณปรับปรุงบริเวณสระพังทองพร้อมท่าขึ้นปลา สร้างอาคารหน่วยอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำที่ดอนสวรรค์ ในขณะนั้นสถานีฯ มีเนื้อที่ทั้งหมด 160 ไร่ เป็นบ่อดิน 109 บ่อ เนื้อที่รวม 108,072 ตารางเมตร หรือ 67.545 ไร่ บ่อคอนกรีตจำนวน 58 บ่อ เนื้อที่รวม 826 ตารางเมตร (รวมทั้งบ่อคอนกรีตภายในโรงเพาะฟักที่สร้างเมื่อปี 2523) ปี 2535 สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดสกลนครได้รับงบประมาณโครงการบูรณะแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มผลผลิตด้านการประมง โดยทำหารปรับปรุงสถานีฯ ใหม่ ซึ่งได้แก่ อาคาร บ้านพัก บ่อดิน บ่อคอนกรีต ห้องปฏิบัติการ สถานแสดงพันธุ์ปลา ตลอดจนโรงเพาะฟักให้มีขนาดใหญ่ เพื่อให้มีความสามารถในการผลิตพันธุ์ปลาเพิ่มขึ้น มีพื้นที่ทั้งหมด 157 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวา

ในปี 2545 กรมประมงได้ทำการปรับโครงสร้างของหน่วยงานใหม่โดยสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดสกลนคร ได้เปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสกลนคร มีสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดนครพนมเป็นหน่วยงานในสังกัด ที่ตั้ง : 1535 ถนนใสสว่าง ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000



ที่มา http://www.fisheries.go.th/if-sakhon/

22-3-51 R โรงแรมแห่งแรกของไทยคือ

ตอบ โรงแรมโอเรียลเต็ล
โรงแรมโอเรียลเต็ลในปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2398 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยเริ่มมีสัมพันธไมตรีทางการฑูตกับต่างประเทศ โดยอังกฤษเป็นประเทศแรกที่เข้ามาค้าขายกับไทยและจึงมีประเทศอื่นๆ เข้ามาติดต่อกับไทยอีกมากมาย บรรดาพ่อค้าวานิชล้วนไม่มีที่อยู่อาศัย พระราชวังจึงได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นโรงแรมที่พักพิงของชาวต่างชาติเหล่านี้ ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนนักแต่เป็นที่เชื่อกันว่าพระราชวังแห่งนี้คือจุดกำเนิดของโรงแรมโอเรียนเต็ลนั่นเอง

อย่างไรก็ตามโรงแรมได้ถูกอัคคีภัยเมื่อเดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2408 และในปีพุทธศักราช 2419 ได้มีนักเดินเรือชาวสวีเดนสองคน ซึ่งตกลงใจที่จะอาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้สร้างโรงแรมขึ้นใกล้กงศุลฝรั่งเศส และในปีนี้นั่นเองที่คณะผู้บริหารของโรงแรมโอเรียนเต็ลเชื่อว่าคือการเกิดอีกครั้งหนึ่งของโรงแรมโอเรียนเต็ลที่แท้จริง

ปัจจุบันบริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินการและเป็นเจ้าของโรงแรมโอเรียนเต็ล

โรงแรมโอเรียนเต็ลมีห้องพักทั้งหมด 396 ห้อง ห้องอาหาร 8 ห้อง มีบริการศูนย์กีฬา ห้องจัดเลี้ยง ห้องประชุมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน นิตยสาร “อินสติทิวชั่นแนล อินเวสเตอร์” ของนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดอันดับให้โรงแรมโอเรียนเต็ลกรุงเทพเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของโลกติดต่อกันถึง 10 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เป็นต้นมา

22-3-51 B ปี พ.ศ.เกิดหลังจากพุทธเจ้ามาแล้วกี่ปี

ตอบ 80 ปี


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (Buddha) เป็นศาสดาของพระพุทธศาสนา พุทธศาสนาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานนับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นศาสดาของตนเหมือนกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน ฝ่ายเถรวาทให้ความสำคัญกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันคือพระโคตมพุทธเจ้า และกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีตกับในอนาคตบ้างแต่ไม่ให้ความสำคัญเท่า ฝ่ายมหายานนับถือพระพุทธเจ้าของฝ่ายเถรวาททั้งหมดและมีการสร้างพระพุทธเจ้าเพิ่มเติมขึ้นมาจนบางองค์มีลักษณะคล้ายเทพเจ้าของศาสนาฮินดู

ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธ ถือกันว่า พระพุทธเจ้า (พระโคตมพุทธเจ้า) พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ระหว่าง 80 ปีก่อนพุทธศักราช จนถึงเริ่มพุทธศักราชซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปีก่อนคริสตกาลตามตำราไทยอ้างอิงปฏิทินสุริยคติไทยและปฏิทินจันทรคติไทย และ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล

21-3-51 R โจนส์ ออฟ อาร์ก เป็นวีระสตรีของประเทศใด

ตอบ ประเทศฝรั่งเศส
นักบุญ โจนส์ ออฟ อาร์ค

Joan of Arc (1412-1431) โจนส์ ออฟ อาร์ค นักบุญและวีรสตรีของฝรั่งเศส (ในสงครามร้อยปีของอังกฤษและฝรั่งเศส ระหว่าง คศ.1337-1453) เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 1412 ในครอบครัวชาวนา ณ หมู่บ้าน Domremy ซึ่งอยู่ในเมืองลอร์เรนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส เธอเป็นลูกคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 5 คน

เมื่อโจนมีอายุ 12 ขวบเธอได้ยินเสียงจากสวรรค์ ของเซนต์ St. Michael, St. Catherine, and St. Margaret เสียงเหล่านั้นบอกให้เธอปลดปล่อยประเทศฝรั่งเศส จากอังกฤษ และช่วยให้มกุฏราชกุมารของฝรั่งเศสได้ขึ้นครองบัลลังก์ เสียงเหล่านั้นบอกให้เธอตัดผม แต่งเป็นชายและจับอาวุธ

ในปี ค.ศ.1429 อังกฤษได้เข้ายึดกรุงปารีส พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ของอังกฤษร้องขอราชบัลลังก์จากฝรั่งเศส เมื่อเสียงสวรรค์ได้บอกเธอให้สถาปนาเจ้าชายโดฟิน พระราชทายาทแห่งราชบัลลังก์เป็นกษัตริย์ โจนมึนงงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ในที่สุด เสียงได้บอกเธอไปหานายทหารชื่อ โรเบอร์ต เดอะ โบ ดริคอร์ท ผู้ซึ่งควบคุมเมืองแวนคูเลียส์ที่อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นคนที่จงรักภักดีต่อพระราชา ขอกำลังทหารจากเขาพาเธอไปเข้าพบเจ้าชายโดฟิน เดอะโบดริคอร์ทได้ปฏิเสธเธอในตอนแรก แต่ได้ช่วยเหลือเธอหลังจากที่เธอได้ทำนายอย่างถูกต้องแม่นยำว่า อังกฤษจะยึดเมืองออร์ลีนส์ได้

เมื่อโจนพร้อมด้วยทหารอารักขาออกเดินทางไปยังพระราชวังชินนอนที่เจ้าชายโดฟินประทับอยู่ เธอมีอายุเพียง 17 ปี เธอตัดผมสั้น และสวมเสื้อผ้าผู้ชาย เหมาะสำหรับงานที่เธอได้รับมอบหมายให้ทำตลอดชีวิตอันสั้นของเธอ ที่พระราชวัง คณะของเธอได้เข้าไปในห้องโถงโอ่อ่าสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เต็มไปด้วยข้าราชบริพาร เจ้าชายโดฟินทรงอาภรณ์เรียบๆธรรมดา และกำลังคลุกคลีกับคนที่มาในงาน อย่างไรก็ตาม โจนหาเจ้าชายจนพบ และถวายความเคารพอย่างสมพระเกียรติ

ทันทีเธอได้ทูลเจ้าชายชาร์ลส์ (โดฟิน) ว่า พระเป็นเจ้าได้ส่งเธอมาช่วยพระองค์ ผู้ซึ่งจะได้ขึ้นครองราชย์สวมมงกุฎเป็นพระราชาในเมืองไรมส์ เมื่อเจ้าชายชาร์ลส์ได้ขอหลักฐานข้อพิสูจน์ เธอได้เปิดเผยคำภาวนาที่พระองค์ได้ทรงวอนขอพระเป็นเจ้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป องค์ชายก็มีความเชื่อมั่นในตัวเธอ งานชิ้นต่อไปของเธอคือการปลดแอกเมืองออร์ลีนส์ แต่งตัวด้วยชุดเกราะและดาบ เธอจะนำหน้ากองทหาร ไม่ใช่เพื่อทำลายชีวิต แต่เพื่อนำวิญญาณไปหาพระเจ้า โจนได้เดินทางไปยังเมืองบลอยส์ ที่ซึ่งเธอได้รวบรวมกองทหารฝรั่งเศส ทุกคืนมีการขับร้องเพลงสรรเสริญแม่พระ ชายที่ปรารถนารับใช้ประเทศชาติต้องไปแก้บาปรับศีลและฟังมิสซา โจนได้สั่งห้ามทหารพูดจาหยาบคายและไม่อนุญาตหญิงโสเภณีเข้ามาในค่ายทหาร

โจนตั้งใจจะย่ำเข้าไปในเมืองออร์ลีนส์ แต่นายพลทหารฝรั่งเศสไม่มั่นใจในแผนการณ์ของเธอ เขาเชื่อว่า การต่อสู้โดยผ่านป้อมปราการของอังกฤษเข้าไปโดยตรง จะเป็นภัยพินาศอันใหญ่หลวง พวกเขาตัดสินใจบุกเข้าไปในเมืองโดยทางอ้อม ด้วยความขุ่นเคืองใจมาก โจนจึงทักท้วงว่า "ท่านคิดหลอกข้าพเจ้า แต่ท่านได้หลอกตัวท่านเอง เพราะข้าพเจ้าได้นำมาให้ท่านความช่วยเหลือเหนือธรรมชาติ ความช่วยเหลือจากองค์พระเจ้า ซึ่งอัศวินหรือบ้านเมืองต้องการ"

เมื่อโจนนำทหารหนึ่งพันคนเข้าไปในเมือง ประชาชนได้โห่ร้องต้อนรับเธอด้วยความยินดี เธอได้ขอร้องชาวอังกฤษให้วางอาวุธโดยสัญญาว่าจะไว้ชีวิตทุกคน แต่เธอกลับได้รับการดูถูกเยาะเย้ย ด้วยความเชื่อมั่น โจนได้นำกองทหารไปสู่ชัยชนะ ตามที่เธอได้ทำนายไว้ เธอได้รับบาดเจ็บจากลูกศรที่หน้าอกของเธอ เธอได้ดึงลูกศรออกด้วยมือของเธอเอง และกลับเข้าไปในสนามรบ หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดเป็นเวลาหลายชั่วโมงที่ป้อมบัญชาการของศัตรู ทหารฝรั่งเศสมีกำลังเหนือกว่าทหารอังกฤษ วันที่ 7 พฤษภาคม 1429 เป็นวันเริ่มชัยชนะของฝรั่งเศส

เมื่อโจนได้พบเจ้าชายโดฟินที่เมืองทัวส์ เธอได้รบเร้าให้พระองค์เสด็จเข้าเมืองไรมส์เพื่อขึ้นครองราชย์ทันที การสถาปนาเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากพระองค์ทรงตั้งพระทัยให้กองทหารชิงกลับคืนมาเมืองต่างๆ ที่ถูกอังกฤษยึดไปบนเส้นทางสู่เมืองไรมส์ ทุกสิ่งก็สำเร็จตามพระราชหฤทัย ในสงครามแห่งปาเตทหารอังกฤษได้ถูกฆ่าตายเกือบสามพันคน แต่ทหารฝรั่งเศสตายแค่สามคนเท่านั้น เจ้าชายโดฟินได้เสด็จถึงเมืองไรมส์ที่ซึ่งในพิธีเก่าแก่สง่างามพระองค์ได้รับ การสถาปนาเป็นกษัตริย์ พระพรและการสวมมงกุฎจากพระอัครสังฆราช

เสียงสวรรค์ได้เตือนโจนว่าเธอจะถูกจับกุม และในระหว่างการต่อสู้เธอได้ตกเป็นเชลยของเบอร์กัน ดี พันธมิตรของอังกฤษ แล้วเธอถูกขายให้อังกฤษ การถูกคุมขังและขึ้นศาลได้เปิดโอกาสให้โจนเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ทางจิตวิญญาณ ที่ศาสนศาลในเมืองรวน ผู้กล่าวหาชาวอังกฤษและเบอร์กันดี ต้องการตัดสินลงโทษเธอ ในข้อหาขัดต่อความเชื่อของพระศาสนา โดยเหตุผลทางการเมือง โจนได้สู้ความด้วยตัวเธอเอง จากข้อกล่าวหาฉกรรจ์หลายกระทง ด้วยความเที่ยงธรรม ความกล้าหาญ และปรีชาญาณ พระสังฆราชแห่งเมืองบิวเวส์เป็นผู้ตัดสินคดี และได้ลงโทษเผาโจนทั้งเป็นที่หลักประหาร เพราะเธอมีความเชื่อขัดกับพระศาสนา ด้วยความหวาดหวั่น โจนเซ็นชื่อถอนคำพูดบางส่วน แต่ด้วยกำลังใจจากเสียงสวรรค์ เธอได้ยกเลิกการเซ็นชื่อนั้น ก่อนตาย โจนได้ให้อภัยศัตรูของเธอ และได้ขออภัยสำหรับความผิดพลาดที่เธอได้เคยทำ เธอได้ขอให้คนช่วยชูไม้กางเขน เพื่อเธอจะได้มองเห็นองค์พระเยซูคริสตเจ้า ขณะที่พระเพลิงล้อมรอบตัวเธอ เธอได้เรียกพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า จนกระทั่งเธอหมดลมหายใจ วันระลึกถึงเธอ คือ วันที่ 30 พฤษภาคม 1431 ซึ่งเป็นวันฉลองนามนักบุญของเธอ

ยี่สิบห้าปีต่อมา ในปี 1456 ศาสนศาลได้ประกาศว่า การขึ้นศาลของโจนและการตัดสินลงโทษเธอ เป็นโมฆะเนื่องจากบิดเบือนความจริง และผิดกฎหมาย ทั่วประเทศฝรั่งเศสได้มีขบวนแห่ระลึกถึงวีรกรรมของโจน ในการกู้ชาติ ในปี 1909 นักบุญพระสันตะปาปาปิโอที่ 10 ได้แต่งตั้งโจนเป็นบุญราศี และในปี 1920 พระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 15 ได้แต่งตั้งเธอเป็นนักบุญ นักบุญโจนเป็นแบบอย่างแห่งความบริสุทธิ์ใจ ความมุ่งมั่นในการกอบกู้วิญญาณ และการทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า

21-3-51 B นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยคือใคร

ตอบ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา

พระยามโนปกรณ์นิติธาดา

พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ชื่อเดิมว่า "ก้อน หุตะสิงห์" เกิดวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2427 ที่จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของนายฮวด กับนางแก้ว หุตะสิงห์ สมรสกับคุณหญิงมโนปกรณ์นิติธาดา (นิตย์ สามเสน) ท่านถึงอสัญกรรม ณ ปีนัง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2491 รวมอายุได้ 64 ปีเศษ


การศึกษา

วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ)
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนอัสสัมชัญ
โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม (เนติบัณฑิตสยาม)
The Middle Temple (เนติบัณฑิต) ประเทศอังกฤษ

บทบาททางการเมือง

พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นผู้ที่จบการศึกษาวิชากฎหมายระดับเนติบัณฑิต จากประเทศอังกฤษ เป็นข้าราชการผู้ที่ได้ชื่อว่ามือสะอาด ไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยมาตลอดชีวิตการรับราชการ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ท่านได้รับเลือกจากคณะราษฎรโดยนายปรีดี พนมยงค์ ให้ดำรงตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศ ด้วยหวังว่าท่านจะเป็นคนกลางประสานความเข้าใจระหว่างกลุ่มผู้นิยมการปกครองแบบเก่า และกลุ่มผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง 10

หลังจากมีกรณีเรื่อง "สมุดปกเหลือง" เค้าโครงเศรษฐกิจที่ร่างโดยนายปรีดี ขึ้นถวายให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวินิจฉัย ซึ่งพระองค์ท่านไม่เห็นชอบด้วย ก่อให้เกิดความแตกแยกกันในหมู่สมาชิกคณะราษฎร ข้าราชการ ขุนนาง และบุคคลในสภา ฯ พระยามโนปกรณ์ ฯ เองก็ไม่เห็นชอบด้วยกับเค้าโครงเศรษฐกิจฉบับนี้ ประกอบกับได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกคณะราษฎรกลุ่มทหารที่นำโดย พระยาทรงสุรเดช ท่านจึงได้ใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีปิดสภา พร้อมงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา รวมทั้งได้เนรเทศนายปรีดี พนมยงค์ ให้กลับไปยังประเทศฝรั่งเศส และออกพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์เป็นฉบับแรกด้วย ซึ่งเรียกกันว่าท่านกระทำรัฐประหารด้วยการใช้ ปากกาด้ามเดียว ท่ามกลางความไม่พอใจของกลุ่มคณะราษฎรที่สนับสนุนนายปรีดี พนมยงค์


เหตุการณ์ความขัดแย้งเหล่านี้ ได้บานปลายนำไปสู่การรัฐประหารในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2476 ที่ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎรได้รัฐประหารคณะรัฐบาลของท่าน และเนรเทศท่านไปยังปีนังด้วยรถไฟ พร้อมกับเรียกตัวนายปรีดีกลับมาจากฝรั่งเศส ซึ่งพระยามโนปกรณ์นิติธาดาก็ได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ที่ปีนัง ตราบจนถึงแก่อสัญกรรม

เริ่มดำรงตำแหน่ง

สมัยที่ 1: 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2475 (ลาออก)

สมัยที่ 2: 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 - 1 เมษายน พ.ศ. 2476 (ลาออก)
สมัยที่ 3: 1 เมษายน พ.ศ. 2476 - 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 (รัฐประหาร)

20-3-51 B ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของคนไทยคือเรื่องอะไร



ตอบ นางสาวสุวรรณ
นางสาวสุวรรณ
Suvarna of Siam

นางสาวสุวรรณ เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของไทย อำนวยการสร้าง เขียนบท และกำกับโดยนายเฮนรี แมคเร ชาวสหรัฐอเมริกา เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย โดยได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟหลวง และกรมมหรสพหลวงอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำ

ภาพยนตร์ถ่ายทำในกรุงเทพ ที่พระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดอรุณราชวราราม วัดพระเชตุพน และต่างจังหวัดที่หัวหิน บางปะอิน เชียงใหม่

ภาพยนตร์ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2466 และฉายในสหรัฐอเมริกาในชื่อว่า Kingdom of Heaven แต่เมื่อครั้นเข้ามาฉายในประเทศไทยได้เพียง 3 วัน ฟิล์มต้นฉบับก็สูญหาย

ผู้กำกับ เฮนรี แมคเร
อำนวยการสร้าง เฮนรี แมคเร
บทภาพยนตร์ เฮนรี แมคเร
นักแสดงนำ เสงี่ยม นาวีเสถียร ต่อมาได้รับพระราชทานนามจากรัชกาลที่ 6 ว่า อนินทิตา และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าและเมื่อสมรสแล้ว จึงเป็น คุณหญิงอนินทิตา อาขุบุตร ขุนรามภรตศาสตร์ (ยม มงคลนัฏ) หลวงภรตกรรมโกศล (มงคล สุมนนัฏ)
กำกับภาพ Dal Clawson
จัดจำหน่าย ยูนิเวอร์แซล
วันที่เข้าฉาย 23 มิถุนายน พ.ศ. 2466
ภาษา ไทย


วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

18-3-51 B กรุงเทพมหานคร มีทั้งหมดกี่เขต แล้วเขตอะไรบ้าง

ตอบ 50 เขต ได้แก่

1. คลองสาน 2.คลองเตย 3.จอมทอง 4.จตุจักร

5.ดุสิต 6.ดอนเมือง 7.ตลิ่งชัน 8.ธนบุรี

9.บางกอกใหญ่ 10.บางกอกน้อย 11.บางกะปิ 12. บางขุนเทียน

13.บางเขน 14.บางซื่อ 15.บางพลัด 16.บางรัก

17.บึงกุ่ม 18.ประเวศ 19.ปทุมวัน 20.ป้อมปราบศัตรูพ่าย

21.พญาไท 22.พระโขนง 23.พระนคร 24.ภาษีเจริญ

25.มีนบุรี 26.ยานนาวา 27.ราชเทวี 28.ราษฎร์บูรณะ

29.ลาดกระบัง 30.ลาดพร้าว 31.สาทร 32.สัมพันธวงศ์

33.หนองแขม 34.หนองจอก 35.ห้วยขวาง 36.สวนหลวง

37.ดินแดง 38.หลักสี่ 39.สายไหม 40.คันนายาว

41.สะพานสูง 42.วังทองหลาง 43.คลองสาน 44.คลองสามวา

45.วัฒนา 46.บางนา 47. ทวีวัฒนา 48.บางแค

49.ทุ่งครุ 50.บางบอน


10-3-51 R โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลากี่วัน




ตอบ 365.25 วัน
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์เป็นวงโคจรซึ่งใช้เวลา 365.25 วัน เพื่อให้ครบ 1 รอบ ปฏิทินแต่ละปีมี 365 วัน ซึ่งหมายความว่าจะมี 1/4 ของวันที่เหลือในแต่ละปี ซึ่งทุกๆปีสี่ปีจะมีวันพิเศษ คือจะมี 366 วัน กล่าวคือเดือนกุมภาพันธ์จะมี 29 วัน แทนที่จะมี 28 วันเหมือนปกติ ตามที่เคปเลอร์ค้นพบวงโคจรของโลกไม่เป็นวงกลม ในเดือนธันวาคมมันจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าเดือนมิถุนายน ซึ่งมันจะอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด โลกจะเอียงไปตามเส้นแกน ในเดือนมิถุนายน ซีกโลกเหนือจะเอียงไปทางดวงอาทิตย์ดังนั้น ซีกโลกเหนือจะเป็นฤดูร้อนและซีกโลกใต้จะเป็นฤดูหนาว ในเดือนธันวาคมจะเอียงจากดวงอาทิตย์ ทำให้ซีกโลกเหนือเป็นฤดูหนาวและซีกโลกใต้เป็นฤดูร้อน ในเดือนมีนาคมและกันยายน ซีกโลกทั้งสองไม่เอียงไปยังดวงอาทิตย์ กลางวันและกลางคืนจึงมีความยาวเท่ากัน ในเดือนมีนาคม ซีกโลกเหนือจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ และซีกโลกใต้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ในเดือนกันยายน สถานการณ์จะกลับกัน

โลกมีอายุประมาณ 4,700 ปี โลกไม่ได้มีรูปร่างกลมโดยสิ้นเชิง เส้นรอบวงที่เส้นศูนย์สูตรยาว 40,077 กิโลเมตร (24,903 ไมล์)และที่ขั่วโลกยาว 40,009 กิโลเมตร (24,861 ไมล์)


ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ จะมีฤดูกาลเป็นของตนเองและระยะของการโคจร ความยาวของปีดาวเคราะห์เป็นเวลาที่มันหมุนรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ ถ้าคุณอยู่บนดาวพุธ ปีของคุณจะมีเพียง 88 วันของโลก บนดาวพูลโต ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่นอกสุดหนึ่งปีจะเท่ากับ 248 วันบนโลก


ดวงจันทร์
ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โคจรรอบโลกทุกๆ 27 วัน 8 ชั่งโมง และขณะเดียวกันก็หมุนรอบแกนตัวเองได้ครบหนึ่งรอบพอดีด้วย ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ด้านเดียว ไม่ว่าจะมองจากส่วนไหนของโลก ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง มนุษย์เพิ่งจะได้เห็นภาพ เมื่อสามารถส่งยานอวกาศไปในอวกาศได้ บนพื้นผิวดวงจันทร์ร้อนมากในบริเวณที่ถูกแสงอาทิตย์ และเย็นจัดในบริเวณเงามืด ที่พื้นผิวของดวงจันทร์มีปล่องหลุมมากมาย เป็นหมื่นๆหลุม ตั้งแต่หลุมเล็กไปจนถึงหลุมใหญ่มีภูเขาไฟและทะเลทรายแห้งแล้ง

ดวงจันทร์เป็นดวงดาวใหญ่ที่สุด และสว่างที่สุดในท้องฟ้ากลางคืน ดวงจันทร์ส่องแสง แต่แสงที่ส่องนั้นมิได้เปล่งออกมาจากดวงจันทร์เอง ดวงจันทร์เมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ก็จะสะท้อนแสงนั้นออกมา ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุด แต่ก็ยังเป็นระยะทางไกลมากคือ ระยะสิบเท่าของเส้นรอบโลกยังสั้นกว่าระยะทางจากโลกไปดวงจันทร์

วัฏจักรของดวงจันทร์

เราทราบแล้วว่า ถ้านับเดือนทางจันทรคติ แล้วดวงจันทร์จะโคจรรอบโลกหนึ่งรอบ กินเวลา 29 1/2 วัน ถ้าเรานับจุดเริ่มต้นของดวงจันทร์ที่วันเดือนดับ (New moon) เป็นช่วงที่ดวงจันทร์ อยู่เป็นเส้นตรงระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงจันทร์ทึบแสง คนบนโลกจึงมองไม่เห็นดวงจันทร์ แล้วก็เป็นวันข้างขึ้นทีละน้อย เราจะเห็นดวงจันทร์สว่างเป็นเสี้ยวทางขอบฟ้าตะวันตก และจะเห็นดวงจันทร์ขึ้นสูงจากขอบฟ้าทิศตะวันตก ไปทางทิศตะวันออก พร้อมกับมีเสี้ยวสว่างมากขึ้น พอถึงช่วงวันขึ้น 7-8 ค่ำ ดวงจันทร์จะสว่างครึ่งซีกอยู่ตรงกลางท้องฟ้าพอดี (Quarter) วันต่อมาจะเพิ่มเสี้ยวสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันขึ้น 14-15 ค่ำ ดวงจันทร์จะมาอยู่ตรงเส้น ระหว่างดวงอาทิตย์และโลก ทำให้ดวงจันทร์เกิดสว่างเต็มดวง (Full moon) หลังจากนั้นดวงจันทร์กลายเป็นข้างแรม ดวงจันทร์จะขึ้นช้าไปเรื่อยๆ จนหายไปในท้องฟ้าจะเห็นเดือนดับ แล้วก็เริ่มต้นใหม่ เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ การเกิดข้างขึ้นข้างแรม เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก 1 รอบ เท่ากับมันโคจรรอบตัวเอง 1 รอบพอดี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ดังนั้นเราจึงเห็นดวงจันทร์เพียงซีกเดียวตลอดเวลา

9-3-51 R ประเทศที่ผลิตไส้กรอกเป็นประเทศแรก

ตอบ ประเทศ อิรัก


ประเทศ อิรัก เป็นชาติแรกที่คิดค้นผลิตไส้กรอกเป็นประเทศแรกของโลก โดยผลิตจาก ชาวสุเมเรี่ยนซึ่งเป็นผู้ทำไส้กรอกขึ้นมา แต่เยอรมนีเป็นต้นแบบของผลิตภัณฑ์ไส้กรอก ไส้กรอกจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเยอรมนีก็ว่าได้ คำว่า ไส้กรอก (sausage) มีรากศัพท์จากภาษาละติน “salsus" หมายถึง เนื้อสัตว์ที่มีการเก็บรักษาโดยใช้เกลือ สำหรับภาษาเยอรมันมาจากคำว่า “wurst” หมายถึง เนื้อที่เตรียมได้จากการบดให้ละเอียด ผสมเกลือเครื่องเทศ และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ บรรจุในไส้หรือพิมพ์ ความแตกต่างของไส้กรอกขึ้น อยู่กับชนิดของเครื่องเทศที่ใช้ สัดส่วนของเนื้อและไขมัน ชนิดของเนื้อและวิธีการทำ เยอรมนีจึงมีไส้กรอกมากกว่า 1,500 ชนิด ซึ่งจะมีชื่อเรียกตามชนิดของไส้กรอก เครื่องเทศที่ใช้ ไส้ ที่บรรจุ และแหล่ง ที่ผลิต


ไส้กรอกแบ่งเป็นสามประเภทใหญ่ ๆ คือ

ก. ไส้กรอกสด Bruhwurst (fresh pork sausage) ทำจากเนื้อหมูผสมเครื่องเทศ เครื่องปรุงรส น้ำแข็ง บรรจุไส้ หรือ อัดใส่พิมพ์ จะรมควันหรือไม่รมควันก็ได้ตามแต่ชนิด ไส้กรอกประเภทนี้จะมีไขมันตั้งแต่ 15-50 เปอร์เซ็นต์ ในระหว่างการตีส่วนผสมอุณหภูมิต้องไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส จะทำให้คุณภาพไส้กรอกดีกว่าการตีส่วนผสมในที่อุณหภูมิสูง เนื่องจากมีการรวมตัวที่ดีของไขมันและน้ำ ไส้กรอกประเภทนี้จะนำไปต้มในน้ำร้อนอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส ระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดไส้กรอก เมื่ออุณหภูมิภายในไส้กรอกเท่ากับ 60 องศาเซลเซียส แสงว่าไส้กรอกสุกแล้ว

ข. ไส้กรอกสุก Kochwurst (cooked sausage) มีส่วนผสมของของสุกบางส่วนและสดบางส่วน ผสมเครื่องเทศ เครื่องปรุงรส บรรจุไส้แล้วนำไปทำให้สุก

ค. ไส้กรอกดิบ Rohwurst (raw sausage) ไม่ ผ่านการทำให้สุกด้วยวิธีใด ๆ ไส้กรอกชนิดนี้เก็บรักษาโดยเกลือ การตากแห้ง รวมถึงการรมควันที่อุณหภูมิต่ำ ๆ ไส้กรอกกลุ่มนี้จะมีกลิ่น รสชาติเฉพาะ ส่วนใหญ่จะเค็มและเปรี้ยวเล็กน้อย

“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ 108 ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”